คำถาม

เบาหวานคืออะไร

เบาหวาน เกิดจากความผิดปกติของตับอ่อนซึ่งไม่สามารถผลิตฮอร์โมนอินซูลินให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย  หรือเกิดจากร่างกายไม่สามารถนำฮอร์โมนอินซูลินไปใช้ได้ ฮอร์โมนอินซูลินทำหน้าที่นำน้ำตาลในเลือดเข้าสู่เซลล์เพื่อสร้างเป็นพลังงาน  ดังนั้นผู้ที่เป็นเบาหวานจึงมีระดับนำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ

เบาหวานมีกี่ชนิด

เบาหวานชนิดที่1 มักเกิดในเด็กหรือผู้ใหญ่อายุน้อยกว่า 30 ปี สาเหตุเกิดจากตับอ่อนไม่สามารถผลิตอินซูลินเนื่องจากเซลล์ตับอ่อนถูกทำลายโดยภูมิคุ้มกันตัวเอง (auto-immune disease)

เบาหวานชนิดที่ 2  พบบ่อยในผู้ใหญ่อายุ 40 ปีขึ้นไป  สาเหตุมาจากกรรมพันธุ์ ความอ้วน ความเครียด ทำให้ร่างกายมีภาวะดื้อต่ออินซูลิน คือร่างกายไม่สามารถนำอินซูลินไปใช้ได้

อาการเริ่มต้นคืออ่อนเพลีย หิวบ่อย น้ำหนักลด กระหายน้ำและปัสสาวะบ่อย แผลหายยาก ชาตามปลายมือหรือปลายเท้า

มากกว่า 126 มก./ดล. (มิลลิกรัมต่อเดชิลิตร)

น้ำตาลในเลือดควรอยู่ระหว่าง 90 - 130 มก./ดล. และ ระดับน้ำตาลค่าเฉลี่ย ฮีโมโกลบิน เอ วัน ซี (HbA1c) ควรจะน้อยกว่า 7 % น้ำตาลค่าเฉลี่่ยเป็นการวัดค่าน้ำตาลที่จับกับฮีโมโกลบินซึ่งเป็นโปรตีนที่พบในเม็ดเลือดแดงน้ำตาลในเลือดจะจับกับฮีโมโกลบินชนิดเอ กลายเป็นฮีโมโกลบิน เอ วัน ซี ยิ่งมีน้ำตาลมากก็จะจับกับเม็ดเลือดแดงมากเท่านั้น  เม็ดเลือดแดงมีอายุ 120 วัน ดังนั้นการวัดน้ำตาลค่าเฉลี่ยจะบอกถึงการควบคุมน้ำตาลในระยะ 2 - 3 เดือนที่ผ่านมา  โนคนปกติจะมีค่า น้ำตาลเฉลี่ย 4 - 6 % ในบางรายผลค่าน้ำตาลในเลือดอาจจะสูงกว่าค่าปกติไม่มากเนื่องจากก่อนวันนัดตรวจเลือด 2 - 3 วัน จะควบคุมอาหาร ทำให้ค่าน้ำตาลในเลือดวันที่พบแพทย์ไม่สูง แต่ถ้าน้ำคาลค่าเฉลี่ยสุงกว่าค่าปกติมาก หมายความว่าในช่วง 2- 3 เดือนที่ผ่านมาไม่สามารถควบคุมอาหารได้อย่างต่อเนื่อง   ดั้งนั้นการตรวจวัดค่าน้ำตาลจึงควรวัดทั้งค่าน้ำตาลในเลือดและน้ำตาลค่าเฉลี่ย

หากน้ำตาลในเลือดสูงอยู่เสมอ เช่น 200 มก./ดล. จะส่งผลต่อหลอดเลือดโดยน้ำตาลจะแทรกตามผนังหลอดเลือดทำให้ผนังหลอดเลือดแข็งตัว  ขาดความยืดหยุ่น ผนังหลอดเลือดหนาขึ้นเปราะและแตกง่าย ทำให้เกิดผลกระทบต่อการทำงานของร่างกายทุกระบบ เช่น โรคหลอดเลือดสมอง โรคหลอดเลือดหัวใจ ไขมัน และความดันโลหิตสูง

เบาหวานขึ้นตา  หลอดเลือดจะเปราะและแตกง่ายทำให้สารต่าง ๆ ในเลือดรั่วไหลออกมา บดบังการมองเห็น และเมื่อร่างกายมีการซ่อมแซม สร้างหลอดเลือดใหม่ก็จะไปบดบังจอรับภาพของตา และถ้าเกิดเป็นพังผืดจอตาขาด และหลุดก็ทำให้ตาบอดได้

ในผู้ที่ป่วยเบาหวาน  เม็ดเลือดขาวหลั่งสาร TNF-a (ทีเอ็นเอฟ-แอลฟ่า) ,  INF-y (อินเตอร์เฟอรอน - แกมมา) และ IL-17 (อินเตอร์ลิวคิว-17) มากไปจนเกินความสมดุล  โดย TNF-a และ INF-y จะเข้าไปทำลายเบต้าเซลล์ในตับอ่อน จนทำให้การสร้างอินซูลินได้น้อยลง (เบาหวานชนิดที่1) และสารทั้งสองนี้ยังทำให้เกิดสภาวะดิ้อต่ออินซูลินของเซลล์ (เบาหวานชนิดที่2) ส่วน IL-17 จะทำให้สภาวะการแพ้ภูมิตัวเองรุนแรงขึ้น  จึงทำให้เบาหวาน ซึ่งเป็นอาการหนึ่งของอาการหนึ่งของการแพ้ภูมิตัวเองรุนแรงขึ้นด้วย

คณะวิจัย Operation BIM ได้วิจัย และพัฒนาสารเสริมประสิทธิภาพจากสารมังคุด  งาดำ ถั่งเหลือง ฝรั่งและบัวบก จนได้แคปซูลเสริมอาหาร ที่พิสูจน์โดยศูนย์วิจัยเทคโนโลยีชีวการแทพย์  แล้วว่าสามารถลดการหลังสาร TNF-a ,  INF-y และ IL-17 ด้วยประสิทธภาพสูง

3.  การออกกำลังเป็นประจำ สม่ำเสมอ